โครงการต่างๆ

โครงการผู้นำแห่งอนาคตมีจุดยืนในการพัฒนาศักยภาพผู้นำการเปลี่ยนแปลง และนักขับเคลื่อนสุขภาวะทางปัญญา โดยหนุนเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากด้านใน (Self-leadership) เพื่อก้าวข้ามมายาคติ ความคิด และความเชื่อเดิมๆ ชวนหันกลับมาพัฒนาความสามารถเชิงการสะท้อนย้อนมองตนเอง (Reflexivity) การเชื่อมโยงกับสรรพสิ่ง (Connectivity) การเรียนรู้ใหม่และการเปลี่ยนแปลงตนเอง (Renewability) และความรับผิดชอบต่อตน ผู้อื่น และสังคม และสภาวะการนำที่เอื้อให้เกิดความยั่งยืนและเกิดสังคมสุขภาวะนั้น จำเป็นต้องสร้างสภาวะการนำแบบรวมหมู่ และหลากหลาย Collective Leadership) สามารถขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงอย่างมีพลังพร้อมมุ่งประโยชน์สุขของส่วนรวม (Transformative Leadership) นอกจากนี้ โครงการฯ เชื่อว่าการบูรณาการข้ามศาสตร์ และการสร้างพื้นที่การเรียนรู้ร่วมกันจะเป็นประตูสู่การเปลี่ยนแปลงสังคมที่ยั่งยืน พร้อมโอบอุ้มความหลากหลาย และพร้อมร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงสังคม

เป้าหมายของโครงการ

  1. ยกระดับและขยายเครือข่ายผู้นำการเรียนรู้เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง
  2. พัฒนาศักยภาพนักสื่อสารสุขภาวะและผู้นำการเปลี่ยนแปลง
  3. วิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ปฏิบัติการเพื่อขับเคลื่อนการทำงาน
  4. สื่อสารเพื่อเสนอบทสนทนา และจิตสำนึกใหม่ทางสังคม (Public Pedagogy)

ยุทธศาสตร์การดำเนินงาน

  • ยุทธศาสตร์ที่ 1 : ยกระดับและขยายเครือข่ายผู้นำการเรียนรู้เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง
  • ยุทธศาสตร์ที่ 2 : พัฒนาศักยภาพผู้นำการเปลี่ยนแปลง
  • ยุทธศาสตร์ที่ 3 : การวิจัยและสร้างองค์ความรู้เพื่อการเปลี่ยนแปลง
  • ยุทธศาสตร์ที่ 4 : การสื่อสารเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง

โครงการบัวหลวงก่อการครู เป็นโครงการในการดำเนินงานของคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และเครือข่ายองค์กรภาคีที่ทำงานด้านการศึกษาและการพัฒนามนุษย์ในทุกบริบท มีจุดมุ่งหวังจะเห็นการพัฒนาการศึกษาไทยไปในทางที่ดีขึ้น โดยเริ่มจากครูผู้ซึ่งเป็นจุดสำคัญในการเปลี่ยนแปลงและขยายไปสู่ผู้เรียน

โครงการบัวหลวงก่อการครูเริ่มเมื่อปี 2562 ภายใต้ชื่อโครงการบัวหลวงก่อการครู : ครูบันดาลใจ จุดไฟการเรียนรู้ ได้รับแรงบันดาลใจจากโมเดลการพัฒนาครูจากโครงการก่อการครู 4 โมดูล คือ โมดูล 1 ครูคือมนุษย์ สำรวจภูมิทัศน์ภายในของความเป็นครู, โมดูล 2 วิชาก่อการครูแกนนำ, โมดูล 3 ครูคือกระบวนกร และโมดูล 4 ครูปล่อยแสง กลุ่มเป้าหมายคือครูจำนวน 100 คน ทั่วประเทศในการดูแลของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

และในปี 2563 – 2566 ได้ดำเนินโครงการบัวหลวงก่อการครู : การพัฒนานิเวศการเรียนรู้ โดยมีจุดมุ่งหวังจะพัฒนาการศึกษาไทยที่มีความสอดคล้องกับบริบทชุมชน ผู้ปกครอง โรงเรียน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงเรียนนั้น ๆ ซึ่งเรียกว่า “นิเวศการเรียนรู้” และพื้นที่ที่น่าสนใจในโรงเรียนที่อยู่ในการดูแลคือพื้นที่จังหวัดอุดรธานี จำนวน 8 โรงเรียน ซึ่งเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้เพื่อให้เห็นจุดหมายตามที่โรงเรียนต้องการผ่าน 4 ยุทธศาสตร์ ดังนี้

  • ยุทธศาสตร์ที่ 1 : การวิจัยและพัฒนานิเวศการเรียนรู้
  • ยุทธศาสตร์ที่ 2 : การพัฒนาศักยภาพบุคลากร
  • ยุทธศาสตร์ที่ 3 : การพัฒนาสื่อการสอนและทรัพยากรการเรียนรู้
  • ยุทธศาสตร์ที่ 4 : การสื่อสารกับสังคม

รับชมวิดีโออื่น ๆ ได้ที่ :

โครงการโรงเรียนปล่อยแสง เป็นโครงการในการดำเนินงานของคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ร่วมกับบริษัท ที.ซี. ฟาร์มาซูติคอล อุตสาหกรรม จำกัด ในนามกลุ่มธุรกิจทีซีพี (TCP) และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน จัดทำโครงการโรงเรียนปล่อยแสง : พัฒนานิเวศการเรียนรู้ (School Learning Eco-system Development)

โครงการโรงเรียนปล่อยแสงมีจุดมุ่งหมายจะเห็นการพัฒนาการศึกษาไทย โดยเป็นฝ่ายสนับสนุนพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เกี่ยวข้อง ในการปรับเปลี่ยนการออกแบบการเรียนการสอน สนับสนุนให้ครูเป็นผู้พัฒนานิเวศการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับบริบทของโรงเรียน และให้ครูเป็นผู้อำนวยการเรียนรู้ ออกแบบจัดการเรียนรู้แบบ Active Learning และ Authentic Learning มีสื่อการเรียนรู้สำหรับการจัดการศึกษา มีการทำงานเป็นทีมและเครือข่ายเครือข่ายการเรียนรู้ชุมชนวิชาชีพ (PLC) เพื่อเป็นต้นแบบให้กับโรงเรียนต่างๆ ทั่วประเทศ และเป็นกลไกสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของระบบการศึกษาไทย

โครงการโรงเรียนปล่อยแสงได้เริ่มเมื่อปี 2564 และดำเนินงานอย่างต่อเนื่องในภายใต้ชื่อโครงการ โรงเรียนปล่อยแสง : พัฒนานิเวศการเรียนรู้ โดยมุ่งหวังจะพัฒนาการศึกษาไทยที่มีความสอดคล้องกับบริบทชุมชน ผู้ปกครอง โรงเรียน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงเรียนนั้น ๆ ซึ่งเรียกว่า “นิเวศการเรียนรู้” ในหลากหลายพื้นที่ จำนวน 10 โรงเรียนทั่วประเทศ ซึ่งโรงเรียนในเครือข่ายนี้เข้าสู่กระบวนการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้เพื่อให้เห็นจุดหมายตามที่โรงเรียนต้องการผ่าน 4 ยุทธศาสตร์ ดังนี้ ยุทธศาสตร์ที่ 1 : การวิจัยและพัฒนานิเวศการเรียนรู้, ยุทธศาสตร์ที่ 2 : การพัฒนาศักยภาพบุคลากร, ยุทธศาสตร์ที่ 3 : การพัฒนาสื่อการสอนและทรัพยากรการเรียนรู้ และยุทธศาสตร์ที่ 4 : การสื่อสารกับสังคม

โครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาในความร่วมมือระหว่าง คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

โครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา เป็นโครงการพัฒนาด้านการศึกษาในการดำเนินการของคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ร่วมกับภาคีเครือข่ายทางด้านการศึกษาและการพัฒนา โดยมีจุดมุ่งหมายในการขับเคลื่อนพัฒนาการศึกษาของโรงเรียน ด้วยแนวคิดที่ว่าทุกคนสามารถมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษาของโรงเรียนได้

โรงเรียนในการดำเนินงานของโครงการฯ ประกอบไปด้วย โรงเรียนวัดนิเวศวุฒาราม จ.นครสวรรค์ และ โรงเรียนบ้านบางหมาก จ.ตรัง ซึ่งเป็นพื้นที่นำร่องในกระบวนการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ ด้วยกระบวนการเสริมพลัง พัฒนาศักยภาพผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการจัดการศึกษา และสร้างการเชื่อมโยงองค์ประกอบที่หลากหลายในการจัดกระบวนการเรียนรู้สำหรับผู้เรียนผ่าน 4 ยุทธศาสตร์ ดังนี้

  • ยุทธศาสตร์ที่ 1 : พัฒนาองค์ความรู้และหลักสูตร
  • ยุทธศาสตร์ที่ 2 : พัฒนาศักยภาพบุคลากร ผู้ปกครอง และชุมชน
  • ยุทธศาสตร์ที่ 3 : พัฒนาสื่อการสอนและทรัพยากรการเรียนรู้
  • ยุทธศาสตร์ที่ 4 : สื่อสารสังคม

จากการดำเนินงานในระยะที่ผ่านมา คณะทำงานพบว่าก้าวต่อไปของการพัฒนาการศึกษาภายใต้เงื่อนไข ประเด็นความท้าทาย และปัจจัยแวดล้อมที่แตกต่างกันของโรงเรียน การพัฒนา “นิเวศการเรียนรู้” ที่คำนึงถึงบริบทพื้นที่และมิติความสัมพันธ์ระหว่างครู นักเรียน โรงเรียน และชุมชน จะเป็นหัวใจสำคัญที่นำไปสู่การสร้างกระบวนการเรียนที่มีความหมายต่อผู้เรียน

Facebook : https://www.facebook.com/PartnershipschoolTU/

โครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา จังหวัดพิจิตร-อุตรดิตถ์

ในความร่วมมือระหว่างคณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กับ มูลนิธิใจกระทิง

โครงการฯ ได้สนับสนุนการจัดการศึกษาของ 4 โรงเรียนในจังหวัดพิจิตร ได้แก่ โรงเรียนบางมูลนาก (ราษฎร์อุทิศ) โรงเรียนวัดบ้านห้วยยาว โรงเรียนวังตะกูราษฎร์อุทิศ และโรงเรียนบ้านน้อย”ปรึกอุทิศ” โดยที่จังหวัดพิจิตรเป็นจังหวัดที่มีฐานทรัพยากรการเรียนรู้ และเครือข่ายความร่วมมือที่เข้มแข็ง ทั้งภาครัฐและเอกชน สิ่งที่สำคัญคือ การสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกัน การเชื่อมประสานเครือข่าย และการระดมทรัพยากรเหล่านั้นมาช่วยในการจัดการศึกษาให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยสอดคล้องกับระบบเศรษฐกิจสังคมของชุมชนและทิศทางการพัฒนาในอนาคต นอกจากนั้น จำเป็นต้องมีการทำงานในระดับของระบบการบริหารจัดการในโรงเรียน และงานวิชาการ ซึ่งรวมไปถึงการพัฒนาหลักสูตรและการจัดการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้เรียน ผู้ปกครอง และบริบทของสถานศึกษา ซึ่งสามารถนำพาไปสู่การสร้างระบบนิเวศการเรียนรู้ที่มีความสุขและมีความหมายสำหรับทุก ๆ คนโดยแท้จริง

ซึ่งต่อมาในปี 2023 ที่ผ่านมา ได้มีโรงเรียนในจังหวัดอุตรดิตถ์เข้าร่วมโครงการ 1 โรงเรียน คือ โรงเรียนประชาชนอุทิศ

ความท้าทายที่สำคัญของทั้ง 5 โรงเรียนคือการบริหารจัดการชั้นเรียนให้เหมาะสมกับบริบทของนักเรียนให้สามารถพัฒนาเต็มตามศักยภาพ และการบริหารวิชาการที่สอดคล้องกับความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง ข้อมูลจากการแสดงความจำนงและเป้าหมายในการเข้าร่วมโครงการโรงเรียนร่วมพัฒนาของทั้ง 5 โรงเรียน ชี้ให้เห็นว่า แต่ละโรงเรียนมีเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาไปในทิศทางเดียวกัน คือ มุ่งพัฒนาคุณภาพการศึกษาให้ผู้เรียนมีทักษะที่จำเป็นในการดำรงชีวิตในยุคปัจจุบันและอนาคต อย่างไรก็ตาม การที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวจำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากผู้คนหลากหลายฝ่าย ทั้งบุคลากรทางการศึกษา เครือข่ายผู้ปกครอง ชุมชน องค์กรเอกชน ภาคธุรกิจและสังคม ดังนั้น จึงมีความจำเป็นที่ต้องจัดการศึกษาที่สร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมจากภาคส่วนต่าง ๆ โดยกระบวนการเสริมพลัง (empowering) และการกลับมาสร้างความเชื่อมโยง (reconnecting) ทั้งในระดับห้องเรียน ชุมชนการเรียนรู้ของครู ความสัมพันธ์ระหว่างโรงเรียนและชุมชน ทั้งนี้ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมและนิเวศการเรียนรู้ที่สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอันรวดเร็ว

ทิศทางและเป้าหมายโครงการ

มุ่งทำงานขับเคลื่อนการศึกษาใน 3 ระดับ คือ ระดับสถานศึกษา ระดับเครือข่าย และระดับนโยบาย โดยให้ความสำคัญกับการสร้างวิสัยทัศน์ร่วม และการพัฒนาระบบนิเวศทางการศึกษา ที่องค์ประกอบต่าง ๆ คือ ผู้เรียน ผู้สอน ผู้บริหาร ผู้ปกครอง และชุมชน ล้วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน และมีส่วนร่วมในการพัฒนาการศึกษาและสังคม

(1)   ระดับสถานศึกษา สถานศึกษาจะต้องเปลี่ยนบทบาทจากสถานที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน เป็น พื้นที่การเรียนรู้ตลอดชีวิตของชุมชน เปลี่ยนหลักสูตรและการสอนที่ห่างไกลกับความต้องการของผู้เรียน เป็นหลักสูตรที่สัมพันธ์กับชีวิตจริงและบูรณาการทักษะชีวิตและอาชีพเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรสถานศึกษา ส่งเสริมการเรียนแบบคละชั้นเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด เปลี่ยนกิจกรรมการอบรมครูที่เน้นการบรรยายให้ข้อมูล และการบังคับกฎระเบียบจากส่วนกลาง เป็นการสร้างแรงบันดาลใจ (inspiring) การเสริมพลัง (empowering) และการกลับมาเชื่อมโยงความสัมพันธ์ (re-connect) ระหว่างครูและนักเรียน ครูกับผู้ปกครอง นักเรียนกับผู้ปกครอง นักเรียนกับนักเรียน และการฝึกทักษะที่จำเป็นในการออกแบบการเรียนรู้ที่สัมพันธ์กับชีวิตจริง

(2)   ระดับเครือข่าย ต้องสร้างการเชื่อมประสานระหว่างสถานศึกษา ชุมชน และเครือข่ายภาครัฐและเอกชน เพื่อระดมทุนและทรัพยากรการเรียนรู้ในการพัฒนาการศึกษาในพื้นที่

(3)   ระดับนโยบาย ข้อค้นพบจากการทำโครงการต้องสามารถให้ข้อเสนอเชิงนโยบาย สำหรับกระทรวงศึกษาธิการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน ในการพัฒนาโรงเรียนขนาดเล็กและขนาดกลางทั่วประเทศ ที่มีบริบทคล้ายคลึงกับโรงเรียนในโครงการ

กิจกรรมในโครงการ

ครูก่อการใหญ่ ผู้นำการเปลี่ยนแปลง สร้างแรงบันดาลใจ

ศึกษาทำความเข้าใจ สร้างองค์ความรู้และปรับเปลี่ยนฐานคิด เพื่อสร้างเสริมศักยภาพ ให้มีความเข้าใจสภาพปัญหา และสามารถวิเคราะห์ปัญหา ความเข้าใจหลักการของอำนาจ ตามแนวทางการบริหารในกระบวนทัศน์ใหม่ และสามารถใช้กระบวนการเพื่อค้นหา ศักยภาพและคุณภาพเชิงลึกของผู้เกี่ยวข้อง เพื่อนาไปใช้ในการบริหารองค์กร

โมดูลที่ 1 : ครูคือมนุษย์ : สำรวจภูมิทัศน์ภายในของความเป็นครู

สร้างองค์ความรู้และปรับเปลี่ยนฐานคิด สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับการเรียนรู้แบบการศึกษาฐานสมรรถนะเบื้องต้น ตะหนักถึงบทบาทของครูทุกคนที่สามารถมีบทบาทในการสร้างการเปลี่ยนแปลง นำพาให้ครูกลับมาตระหนักรู้ถึงความเป็นมนุษย์และคุณค่าภายในตนเอง และมุ่งการสะท้อนปัญหา รับฟังความทุกข์และความต้องการของคนเป็นครู

โมดูลที่ 2 : ตลาดวิชา  : เติมเครื่องมือการเรียนรู้เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง

เพื่อเสริมความรู้ และทักษะในการสร้างการเปลี่ยนแปลงการสอนของตนเอง ตามความสนใจ และความต้องการจำเป็น เช่น การออกแบบเกมเพื่อการเรียนรู้ ห้องเรียนแห่งรัก จิตวิทยาเชิงบวก เวทมนตร์คาถาในการสร้างการเรียนรู้ที่มีความหมาย ห้องเรียนสร้างสรรค์ ทักษะการโค้ชเพื่อครู การวัดและประเมินผล Problem-based learning ฯลฯ โดยจัดเป็นรายวิชาให้ครูที่เข้าร่วม โครงการสามารถเลือกสมัครเข้าร่วมเรียนรู้ได้ตามความสนใจ

โมดูลที่ 3 : ครูนักออกแบบการเรียนรู้ : สร้างการเรียนรู้ที่มีความหมายผ่านบริบทชุมชน

เพื่อเสริมทักษะการออกแบบการเรียนรู้ การจัดการชั้นเรียน ที่สอดคล้องกับชีวิตจริงของผู้เรียน

ค่ายที่ 1 หนังสั้นเพื่อการเรียนรู้ (วิถีชุมชน)

เพื่อเพิ่มทักษะชีวิต การทำงานร่วมกับผู้อื่น ความคิดสร้างสรรค์ และความเข้าใจชุมชนให้กับนักเรียน ผ่านการผลิตสื่อวีดีโอ เล่าเรื่องดีที่เกิดขึ้นในชุมชน ทั้งทรัพยากร ภูมิปัญญา บุคคล โอกาส และความเป็นไปได้ใหม่ๆ การฝึกปฏิบัติการสร้างสื่อวีดีโอ โดยใช้เครื่องมือ เทคโนโลยี และวิธีการเล่าเรื่อง ผ่านหนังสั้น เพื่อสะท้อนสายตาของนักเรียนในการมองเห็นคุณค่าหรือศักยภาพที่มีของตนเองและชุมชน

ค่ายที่ 2 ละครเพื่อการพัฒนา (มนุษย์และชุมชน)

เพื่อเสริมสร้างความกล้าคิด กล้าแสดงออก กลับมาตั้งคำถามและทำความเข้าใจตนเอง ลงพื้นที่ทำความเข้าใจชุมชน และสื่อสารประเด็นปัญหา ประสบการณ์ในชีวิตจริง สิ่งที่ตนเองเผชิญอยู่ อย่างมีศิลปะ ด้วยกระบวนการที่สร้างให้เกิดพื้นที่ปลอดภัย พื้นที่แห่งการรับฟัง นักเรียนได้ส่งเสียงจริงแท้ของตนเอง มองเห็นคุณค่า ศักยภาพ และรู้สึกร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับชุมชน การฝึกปฏิบัติการละครชุมชน เรียนรู้จากกระบวนการผลิตละครจากประเด็นปัญหาของชุมชนหรือโรงเรียน เพื่อนำกลับไปแสดงเพื่อสะท้อนเรื่องราวให้ชุมชนเกิดการสานเสวนา (Dialogue) แสวงหาแนวทางการแก้ปัญหาของชุมชนร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ต่อไป

      จัดโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของโรงเรียนในการพัฒนาผู้เรียน

 เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ทั้งผู้บริหาร ครู บุคลากรทางการศึกษาในโรงเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน หรือวิสาหกิจชุมชน โดยให้เป็นกิจกรรมที่เกิดจากความสนใจและความถนัดของบริบทพื้นที่ โดยทางโครงการ ฯ มีบทบาทในการให้คำปรึกษาและประสานเชื่อมโยงผู้เชี่ยวชาญมาร่วมในการทำกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนนี้

Facebook : https://www.facebook.com/PartnershipschoolAgency

โครงการภายใต้คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในความร่วมมือกับ บริษัท กรุงไทยการไฟฟ้า จำกัด

มีความตั้งใจในการหนุนเสริมให้เกิดพื้นที่และนิเวศการเรียนรู้ที่เอื้อให้ผู้เรียนในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ มหา’ลัยไทยบ้าน จังหวัดขอนแก่น จังหวัดอุดรธานีและจังหวัดใกล้เคียงเป็นพื้นที่ที่จะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างพลังเครือข่ายครูผู้ต้องการสร้างการเรียนรู้ให้แก่ เยาวชนในพื้นที่ของตนเอง กระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ไม่เพียงในมุมวิชาการ แต่รวมถึงมิติของชีวิตในด้านอื่นๆ

เกิดการตระหนักในศักยภาพและคุณค่าความเป็นมนุษย์ของตัวเอง ผ่านการเชื่อมโยงวิถีชีวิต ชุมชน และวัฒนธรรม เข้ากับการเรียนการสอนให้แก่เด็กทั้งในและนอกระบบ ภายใต้การทำงานร่วมกันระหว่างโครงการฯ กับ เครือข่าย พื้นที่ก่อการครูกาฬสินธุ์ เครือข่ายพื้นที่มหา’ลัยไทบ้าน และก่อการครูอุดรธานี โดยทั้ง 3 เครือข่ายดำเนินการขับเคลื่อนพื้นที่ของตนเองอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 3 ปี ทำให้มีความเชี่ยวชาญ เข้าใจ และทำงานร่วมกับกลุ่ม
เยาวชนที่มีความหลากหลายมาอย่างต่อเนื่อง

เพื่อสร้างพื้นที่ส่งต่อแนวคิดการจัดการศึกษาแนวใหม่ที่ไม่ติดภายใต้กรอบรั้วโรงเรียน เป็นนิเวศการเรียนรู้ที่เอื้อให้ทั้งครู ศิษย์ และชุมชนสร้างการเรียนรู ้ร่วมกัน เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางแก้ไขวิกฤติของสังคมไทยในปัจจุบันนี้