‘ห้องเรียนฐานชุมชน’ ก้าวเล็กในเมืองใหญ่ที่มีความหมายต่อทุกคน ปลายทางฝันของก่อการครู Bangkok

เพราะอยากเห็นหลักสูตรท้องถิ่นหรือห้องเรียนชุมชนที่มีความหมาย ผู้เรียนตั้งคำถามและเห็นคุณค่าของชุมชน รวมถึงการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างโรงเรียนและชุมชนในฐานะหุ้นส่วนของการสร้างการเรียนรู้ร่วมกัน ‘การเดินเมือง’ หรือ ‘การเลิร์นเมือง’ จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่ ก่อการครู Bangkok เห็นว่าจะช่วยทำให้ภาพฝันดังกล่าวเกิดขึ้นได้ 

“เราพยายามวางหินทีละก้อน เพื่อสร้างสะพานเชื่อมระหว่างโรงเรียนและชุมชน ให้เห็นความเป็นไปได้ใหม่ ๆ ในการทำงานร่วมกันและมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น เราอยากทิ้งร่องรอยไว้ เพื่อให้ชุมชนและโรงเรียนเชื่อมกันได้มากขึ้น ไม่ว่าจะสร้างการเรียนรู้ผ่านเครื่องมือใดก็ตาม” 

เสียงบอกเล่าของ ครูอับดุลย์ – ศิโรจน์ ชนันทวารี สะท้อนให้เห็นว่า ในวันนี้ก่อการครู Bangkok มองตนเองในฐานะพื้นที่ของความเป็นไปได้ในการเชื่อมร้อยระหว่างชุมชนและโรงเรียนให้มีความใกล้ชิดกันมากขึ้นผ่านการจัดการเรียนรู้ฐานชุมชน โดยหยิบนำบริบทและการค้นหา ‘เพชร’ ของชุมชนมาสร้างการเรียนรู้ร่วมกันให้แก่คนทุกวัย ปัจจุบันนี้ กลุ่มก่อการครู Bangkok ได้พัฒนาเส้นทางการเรียนรู้ฐานชุมชนให้เกิดขึ้นกว่า 6 เส้นทางทั่วกรุงเทพมหานคร 

เพราะอยากทำการเรียนรู้ฐานชุมชนที่มีความหมาย

บ่อยครั้งที่เรามักได้ยินว่าเนื้อหาการเรียนรู้ของกระทรวงศึกษาธิการมีการส่งเสริมให้นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับชุมชนหรือท้องถิ่นของตนเอง บ่อยครั้งเช่นกันที่เรามักตกร่องการเรียนรู้ในลักษณะที่เป็นเพียงการเที่ยวชม หรือการบอกเล่าให้ฟังว่า ชุมชนหรือท้องถิ่นของเรามี ‘จุดขาย’ อะไร ทั้งในเชิงสินค้าและบริการ ทำให้การเรียนรู้ฐานชุมชนมักอยู่ในมิติของการท่องเที่ยวมากกว่าที่ผู้เรียนจะได้ ‘รู้จัก’ และ ‘เข้าใจ’ ความเป็นชุมชนอย่างแท้จริง รวมถึงสมรรถนะหรือความสามารถที่เกิดขึ้นของผู้เรียนจากการเรียนรู้ชุมชนเป็นสิ่งที่มักถูกมองข้ามไป สิ่งนี้คือหนึ่งในเป้าหมายการเรียนรู้หนึ่งที่ก่อการครู Bangkok ต้องการสร้างให้เกิดขึ้น

ครูโบว์ – ลัดดาวรรณ ทองถาวร สะท้อนว่า จุดมุ่งเน้นของการเรียนรู้ฐานชุมชนที่เธอคาดหวังให้เกิดขึ้นนั้นจะต้องอธิบายได้ว่า สมรรถนะหรือความสามารถที่จะเกิดขึ้นจากห้องเรียนฐานชุมชนคืออะไร แม้ว่าเส้นทางการเรียนรู้ฐานชุมชนที่เกิดขึ้นของกลุ่มจะมีการออกแบบการเรียนรู้และการเลือกใช้เครื่องมือที่ต่างกันตามบริบทของชุมชน และมีความแตกต่างไปตามวิธีการของคุณครู ทว่าสมรรถนะการเรียนรู้ที่ต้องการให้เกิดขึ้นคือจุดร่วมที่กลุ่มมีร่วมกัน

“เรามองว่าการเรียนรู้ฐานชุมชนต้องมีสมรรถนะด้วย หมายถึง การเรียนรู้ที่ทำให้ชุมชนดีขึ้น แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่เห็นภาพมุมนั้นเท่าไหร่นัก ตอนนี้เราเห็นแล้วว่าชุมชนมีอะไร แต่เรายังไม่เห็นสมรรถนะที่เป็นองค์รวมของความรู้ (Knowledge) ทักษะ (Skill) และทัศนคติ (Attitude) ดังนั้น เราจึงเห็นว่านี่เป็นจุดเริ่มที่ทำให้การเรียนรู้และชุมชน มีการเชื่อมร้อยกันและเห็นคุณค่าในมิติของการเรียนรู้มากขึ้น” 

นอกจากความหมายด้านการเรียนรู้ที่ต้องเกิดกับผู้เรียนแล้ว สิ่งที่กลุ่มคาดหวังให้เกิดขึ้นด้วยคือ ‘ความหมายต่อชุมชน’ ซึ่งในที่นี้หมายถึง การเข้าใจสภาวะและปัญหาที่ชุมชนต้องเผชิญทั้งจากปัญหาที่มีอยู่แล้วหรือปัญหาที่เกิดขึ้นจากการเข้าไปของ ‘คนนอก’ ดังนั้น การเข้าชุมชนเพื่อไปเรียนรู้ควรที่จะต้องเข้าใจปัญหาและทำอย่างไรที่จะช่วยเสริมพลังให้กับคนในชุมชนด้วยเช่นกัน ดังที่ครูแพท – วัชรพงษ์ คู่วัจนกุล สะท้อนในกรณีการทำงานของเส้นทาง ‘ตลาดพลู’ หนึ่งในเส้นทางเลิร์นเมืองของก่อการครู Bangkok

“ตลาดพลูเป็นย่านที่โตพอสมควร เป็นย่านการค้าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นย่านที่มีคนทำทัวร์เยอะอยู่แล้ว ดังนั้นปัญหาที่คนในชุมชนมักเจอคือการถูกเอาเปรียบจากคนกลุ่มนี้ในลักษณะที่ให้คนในชุมชนทำข้อมูลให้หรือขอข้อมูลจากชุมชนไป สุดท้ายก็นำไปใช้ จัดทัวร์เอง และปล่อยคนในชุมชนไป ทำให้คนในชุมชนไม่ได้ประโยชน์อะไร จุดนี้เป็นเสมือนแผลที่เกิดขึ้นของคนในชุมชน”

“การเข้าไปในชุมชนของเรา เรามองตัวเองเป็น Agent Facilitator Moderator หรืออะไรก็ได้ตามที่จะเรียก โดยมีเป้าหมายคือการใช้การเดินเมืองเพื่อการพัฒนาชุมชน พอเราเข้าไปในชุมชนแล้วเจอปัญหานี้ เราเลยมองว่านี่แหละคือปัญหาที่เราอยากแก้ เราอยากปรับความเข้าใจให้กับคนในชุมชนว่าไม่ใช้ทั้งหมดที่เข้าไปเพื่อหาประโยชน์จากเขาอย่างเดียว และเราอยากช่วยเสริมพลังให้กับคนในชุมชนให้มีความเข้มแข็งในการปกป้องตนเองด้วยเช่นกัน”

ตั้งต้นจากก่อการฐานชุมชนโมเดล

ก่อการครู Bangkok ได้พัฒนาเส้นทางเลิร์นเมือง 6 เส้นทาง ใน 6 โซนของกรุงเทพมหานคร ประกอบด้วย 1. ล่องบางหลวง เลิร์นความหลัง 2. Learn ปรีดีพนมยงค์ กับคนร่วมสร้างเมือง 3. เปลี่ยนจากทุ่งสู่เมือง ณ บางเขน 4. ก้าวย่างสู่ตลาดน้อย เรียนรู้ร้อยเรื่องราวชุมชน 5. จักรวาลตลาดพลู และ 6. เชื่อมใจสายใยคลองแสนแสบ 

แม้ว่าแต่ละเส้นทางจะมีความต่างของกระบวนการเรียนรู้และบริบทที่ต่างกัน ทว่าหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ทีมมักใช้ตั้งต้นในการทำงานคือ ‘ก่อการฐานชุมชนโมเดล’ ซึ่งเป็นโมเดลที่กลุ่มได้ถอดกระบวนการทำงานมานับตั้งแต่ริเริ่มการเรียนรู้ฐานชุมชน โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. Finding ค้นหาความสนใจ – ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสำคัญของทีมในการพัฒนาเส้นทางเลิร์นเมืองในแต่ละเส้นทาง เพื่อค้นหาว่าชุมชนหรือย่านของตน มี ‘เพชร’ อะไรที่ซ่อนอยู่ ซึ่งจากการทำงานของกลุ่มพบว่า เพชรที่พวกเขาค้นหามักเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงเอกลักษณ์ของย่านนั้น ๆ ทั้งในมิติของประวัติศาสตร์ ความเป็นมา จนถึงวิถีชีวิตของผู้คน
  2. Planing วางแผนกระบวนการ – เมื่อค้นหาเพชรในชุมชนพบแล้ว สิ่งเหล่านั้นจะกลายมาเป็นวัตถุดิบตั้งต้นสำหรับ ‘การออกแบบกระบวนการเรียนรู้’ ของเส้นทางเลิร์นนั้น ๆ ต่อไป อย่างไรก็ตาม การออกแบบกระบวนการเรียนรู้นี้จะมีการตั้งเป้าหมายการเรียนรู้อย่างชัดเจนว่าต้องการให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์การเรียนรู้อย่างไร 
  3. Action ปฏิบัติการ – เมื่อได้แผนกระบวนการแล้ว กลุ่มจะนำแผนดังกล่าวไปสู่การใช้งานจริง ซึ่งการทำงานในขั้นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นจากกลุ่มเพียงอย่างเดียว แต่มีการเชื่อมโยงชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมกับของปฏิบัติการดังกล่าว ทั้งในฐานะเจ้าของพื้นที่การเรียนรู้และการเป็นกระบวนกรร่วมในการสร้างการเรียนรู้ 
  4. Reflection สะท้อนผล – การสะท้อนผลในที่นี้ เกิดขึ้นได้ใน 2 มิติ ได้แก่ การสะท้อนผลการเรียนรู้จากผู้เรียนในฐานะผู้ได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ เพื่อให้กลุ่มได้ทราบ Feedback และประเมินว่าการเรียนรู้ในครั้งนั้น ๆ เกิดขึ้นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้หรือไม่ ขณะที่ในอีกมิติ เป็นการสะท้อนผลการทำงานร่วมกันระหว่างกลุ่มและชุมชน เพื่อประเมินว่าการเรียนรู้และการทำงานร่วมกันในครั้งนั้น ๆ มีผลสำเร็จหรือมีอุปสรรคใด รวมถึงกระบวนการทำงานที่จะพัฒนาร่วมกันในอนาคต ซึ่งในส่วนนี้เป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างชุมชนและกลุ่ม โรงเรียน หรือผู้จัดการเรียนรู้ 
  5. Communication สื่อสารความคิด – การทำงานในส่วนนี้ กลุ่มมุ่งเน้นการสื่อสารจากผู้เข้าร่วมกระบวนการเป็นสำคัญ ซึ่งเป็นการสื่อสารให้เห็นว่าประสบการณ์ ความรู้สึก หรือความรู้ ที่ผู้เรียนได้รับจากการเลิร์นเมืองในแต่ละครั้งเป็นอย่างไร 
  6. Applying Value ประยุกต์ใช้อย่างมีคุณค่า – แม้ว่าภายหลังสิ้นสุดกระบวนการในแต่ละครั้งอาจยังไม่สามารถประเมินผลได้ว่าผู้เรียนจะนำสิ่งที่ได้เรียนรู้จากการเลิร์นชุมชนในแต่ละครั้งหรือไม่ อย่างไร ทว่าสิ่งที่กลุ่มคาดหวังให้เกิดขึ้นคือ การมีสายตาใหม่ของผู้เรียนในการกลับไปมองชุมชนของตนอีกครั้ง มองเห็นรายละเอียดที่มากขึ้นของชุมชน ตั้งคำถามต่อสิ่งที่พบเห็น และสามารถค้นหาคำตอบของคำถามเหล่านั้น รวมไปถึงการเกิดแรงบันดาลใจให้ผู้เรียนลุกขึ้นมากระทำการอะไรบางอย่างเพื่อสร้างความหมายให้แก่ชุมชนของตน

โมเดลการเรียนรู้ข้างต้นนี้ เป็นเพียงหนึ่งในหลายเครื่องมือที่กลุ่มก่อการครู Bangkok ใช้ ในการพัฒนาเส้นทางเลิร์นเมือง ซึ่งเส้นทางเรียนรู้ในแต่ละเส้นทางยังคงให้อิสระของคุณครูแต่ละคนในการออกแบบกระบวนการทำงานและกระบวนการเรียนรู้ของตน โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือ การสร้างการเรียนรู้ฐานชุมชนที่มีความหมายและสร้างความสัมพันธ์ให้เกิดขึ้นระหว่างผู้เรียนและชุมชน

ภาพฝันปลายทางที่อยากเห็น

แม้ว่าก่อการครู Bangkok จะเริ่มขยับประเด็นการเรียนรู้ฐานชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง ภาพผลลัพธ์ของการทำงานที่กลุ่มอยากเห็น ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ทำให้พวกเขามุ่งมั่นที่จะเคลื่อนงานในส่วนนี้ต่อไป โดยเฉพาะภาพการมีส่วนร่วมระหว่างผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่าง ๆ ในการสร้างห้องเรียนฐานชุมชนให้เกิดขึ้น ดังที่แต่ละคนสะท้อน

“เราอยากให้ครูเห็นคุณค่าของชุมชนตนเอง เห็นความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการจัดกระบวนการเรียนรู้เหล่านี้ได้ ครูสามารถจัดกิจกรรมที่นำชุมชนไปบูรณาการเข้ากับกิจกรรมได้” – ครูอับดุลย์สะท้อน

“เราอยากให้เขามาร่วมกิจกรรมกับเราแล้วตั้งคำถามมากขึ้นเกี่ยวกับชุมชน เช่น ทำไมถึงมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้น มันเป็นการขยายความรู้ที่ cross กับ generation ด้วย นั่นคือ คนรุ่นใหม่ตั้งคำถามและหาคำตอบมากขึ้น รวมถึงเป็นการสร้างกิจกรรมร่วมกันของคนทุกวัยในการเรียนรู้ร่วมกัน” – ครูโบว์สะท้อน

“เราอยากเอาภาพของการศึกษากับชุมชนมารวมกันผ่านการทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การทำทัวร์เรียนรู้ชุมชน และสิ่งนี้สามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของคนให้ดีขึ้นได้ คนในชุนชนมองเห็นคุณค่าของตนเอง” – ครูแพทสะท้อน

ร่วมตะลอนเมืองกับก่อการครู Bangkok ในงาน “บางกอกตะลอนเลิร์น ยกกำลัง 6 ”

ก่อการครู Bangkok เชิญชวนทุกคนมาตะลอนเมืองไปพร้อมกันในงาน “บางกอกตะลอนเลิร์น ยกกำลัง 6” กิจกรรมที่ชวนมาสัมผัสการเรียนรู้จากกรุงเทพฯ ผ่านนิทรรศการ เวิร์กช็อป ทอล์ก และวงเสวนาเข้มข้น 

พบกับ 6 เส้นทางการเรียนรู้ สู่ 6 ห้องเรียนตัวอย่าง เพื่อสร้างการเรียนรู้เชื่อมชีวิตใกล้ตัวจากการเดินเมือง

มาร่วมตะลอนเมืองด้วยกันในวันที่ 13 ธันวาคม 2568 ณ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สำนักงานกองทุนสนับสนุน การสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ