,

ริเริ่มทำ “ทรงผมตามเพศวิถีในโรงเรียน” การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ ด้วยหัวใจที่พร้อมรับฟัง

เรื่องราวจาก ครูเมย์ – ทัศนีย์ เชื้อทอง ผู้เปลี่ยน “ทรงผมตามเพศวิถี ในโรงเรียน”

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า หลายครั้งที่เส้นทางของ “ครู” เต็มไปด้วยแรงกดดัน ความเหนื่อยล้า และคำถามกับตัวเองว่า “ยังไหวอยู่ไหม” เช่นเดียวกับ ครูเมย์ – ทัศนีย์ เชื้อทอง ครูแกนนำ “ก่อการครู” รุ่นที่ 6 ซึ่งปัจจุบันครูเมย์สอนวิชาเคมี อยู่ที่โรงเรียนหอวัง ปทุมธานี จ.ปทุมธานี พร้อมกับดูแลนักเรียนในฐานะหัวหน้าระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และครูฝ่ายกิจการนักเรียน 

ด้วยใจที่รักในการสอน พร้อมกับบทบาทหลายหน้างาน ครั้งหนึ่งครูเมย์เองก็เคยเผชิญภาวะเกือบหมดไฟ จากปัญหาสุขภาพใจและการแตกสลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนแทบไม่เหลือแรงจะเดินต่อ แต่ด้วยความพยายามและใจที่ไม่ยอมแพ้ต่อความรักในการเป็น “ครู” ครูเมย์กล้าที่จะหยุดทบทวนตัวเองและเติมไฟเรียนรู้สิ่งใหม่ จนทำให้สามารถกลับมายืนได้อีกครั้ง กลายเป็นครูเมย์คนเดิมที่เต็มไปด้วยพลังใจและพลังศรัทธาในชีวิต

เป็น “ครู” ไม่ง่าย ? จุดเริ่มต้นของอาชีพครูของครูเมย์

“ตอนเด็กเราจำได้ว่า มีรายวิชาหนึ่งคุณครูชอบมีกิจกรรมที่แปลกใหม่มาให้พวกเราได้ตื่นเต้น และได้ลงมือทำ แม้ว่าเนื้อหาค่อนข้างยาก แต่ห้องเรียนในวันนั้นที่ครูเมย์จำได้มีแต่เสียงหัวเราะ  จากตอนนั้นจนถึงตอนนี้ เราเลยเชื่อเสมอค่ะว่า ถ้าเด็ก ๆ ได้เรียนในห้องเรียนที่สนุกและมีความสุข ความสุขจะนำมาสู่การเปิดหัวใจแห่งการเรียนรู้” ครูเมย์เล่าช่วงที่ตนเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย อยู่ในโรงเรียนพิชัย อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ ซึ่งความทรงจำในช่วงนี้เองเป็นส่วนหนึ่งเช่นกันที่ผลักดันให้ครูเมย์ตัดสินใจเป็นครู และเล่าต่ออย่างออกรสว่า 

“เราเป็นคนมีอินเนอร์ ตอนเรียนครูก็ทำกิจกรรมเป็นทั้งสโมสรนักศึกษา ก็เรียนครูอยู่ที่อุตรดิตถ์ค่ะ จนครูเมย์เรียนจบจะเป็นช่วงที่ตรงกับโควิด19 ระหว่างที่เรารอเรียกบรรจุ ก็ได้มีโอกาสเข้าไปสอนในโรงเรียนเอกชน นานเกือบ 2 ปี ตอนนั้นนึกแล้วก็สนุกและเหนื่อย เพราะนอกจากสอนแล้วก็ได้เรียนรู้งานทุกอย่าง เดือดอยู่เหมือนกัน” 

นอกจากการสอน ครูเมย์เล่าว่าได้ลองทำทุกอย่าง ตั้งแต่งานเอกสารชั้นเรียน ภาระงานตามฝ่ายงาน และการดูแลฝึกซ้อมนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดจนการพูดคุยกับผู้ปกครอง และเป็นจังหวะที่ต้องเผชิญกับความกดดันหลายอย่าง เป็นเวลาเกือบ 2 ปีที่ได้ก้าวสู่ความเป็นครูเต็มตัว แต่กลับไม่สนุก ครูเมย์กลายเป็นคนเก็บตัว รู้สึกโดดเดี่ยว ความสดใสที่เคยมีก็เริ่มหายไป พร้อมกับการค้นพบว่าเป็น “ครู” ไม่ง่าย

“ชีวิตมันเหมือนวนลูปค่ะ เพื่อนครูหลายท่านน่าจะเคยเจอความรู้สึกนี้เหมือนครูเมย์ จันทร์-ศุกร์ เราสอนและทำงานในโรงเรียนแทบจะหมดแรง พอเสาร์-อาทิตย์ เราก็ต้องนอนเพื่อเก็บแรงให้หายเหนื่อย พอเริ่มจะหายก็เช้าวันจันทร์อีกแล้ว เป็นแบบนี้วนไป เรายังสนุกกับการสอนเด็กในห้องเรียน แต่ด้วยภาระงานทำให้เรารู้สึกเกือบจะไม่ไหว ก่อนที่ไฟดวงนี้จะมอด ครูเมย์ตัดสินใจลาออกค่ะ แต่ก็ด้วยความโชคดีบ่ายวันนั้น กศจ.ปทุมธานี (ในตอนนั้น) เรียกตัวมาบรรจุเป็นครูที่โรงเรียนหอวัง ปทุมธานี จ.ปทุมธานีนี้ค่ะ”

หมดไฟ และหัวใจที่อ่อนล้า ? ภาวะที่ต้องเผชิญ

“ครูเมย์มองว่า มันคือโอกาสที่เราได้จะกลับมาเป็นครูเมย์คนเดิมค่ะ ในปลายปี 2566 ที่ครูเมย์ได้บรรจุ และครูเมย์รับหน้าที่สอนวิชาเคมีให้กับนักเรียน ม.ปลาย ได้เปลี่ยนสถานที่ แถมได้เจอพี่ ๆ น้อง ๆ เพื่อนครูที่เป็นคนรุ่นใหม่ เราก้าวเข้ามาในโรงเรียน ในห้องพักครูเรายังตื่นเต้นกับการเจอพลัง เจอสังคมใหม่ ยิ่งในห้องเรียนไม่ต้องพูดถึง ครูเมย์รู้สึกว่าการสอนมันสนุก แม้วิชาเคมีจะเป็นหนึ่งในยาขมของเด็ก ๆ  (หัวเราะ) แต่เราก็เห็นแววตาที่อยากเรียนรู้ของพวกเขา” ครูเมย์เล่าว่า ตอนเรียกบรรจุที่โรงเรียนหอวัง จ.ปทุมธานี เป็นก้าวใหญ่ในเส้นทางของความเป็นครู และเป็นการเดินทางไกลบ้านครั้งแรกของครูเมย์ ครูเมย์สนุกกับการปรับตัว ทุกอย่างรอบตัวตื่นตาตื่นใจ ที่หลายสิ่งหลายอย่างให้เรียนรู้ อยากลอง อยากทำ ทุกอย่างรอบตัวดูสนุกไปหมด

เมื่อเริ่มสอนได้ครึ่งปี นอกจากสอนครูเมย์ก็ได้รับโอกาสอื่น ๆ ช่วยดูแลเรื่องเอกสารในกลุ่มบริหารงานวิชาการ และด้วยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหาร ทำให้ครูเมย์ได้มาช่วยงานที่กลุ่มบริหารงานทั่วไป

“ช่วงนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างในระยะเวลาอันรวดเร็วมากค่ะ และเมื่อเปิดภาคเรียนใหม่ ท่านผู้ช่วยรองผู้อำนวยการ ชักชวนให้มาทำงานในกลุ่มงานกิจการนักเรียนด้วยกัน ครูเมย์ก็ตอบตกลงทันทีเลย เพราะมีความฝันเล็ก ๆ ว่าอยากเป็นคุณครูปกครอง (หัวเราะ) เมื่อได้มาทำงานกลุ่มงานกิจการนักเรียน ก็มีพี่ ๆ คายตะขาบให้ และรับไม้ต่อเป็นรองหัวหน้าระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 (ในช่วงนั้น) ซึ่งอยู่ในช่วงที่คุณครูหัวหน้าระดับได้ย้ายกลับภูมิลำเนา เมื่อขยับมาดูแลงานกิจการนักเรียน สนุกมากเลยค่ะ แต่แล้ว… ครูเมย์ก็เริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว เอาอีกแล้ว ครูเมย์คิดนะคะว่า อาจเป็นเพราะครั้งก่อนที่เรารู้สึกแบบนั้น รู้สึกไม่สนุกและความสดใสมันหายไป มันยังไม่ได้รับการแก้ไข” ช่วงเวลาแห่งความสับสนกับการค้นหาภายในใจว่า เรากำลังเจอกับอะไร ? เพียงแค่ครั้งนี้มันไม่ได้โดดเดี่ยวเหมือนเก่า เพราะรอบข้างเรามีเพื่อนครูที่คอยซัปพอร์ต

“เวลารู้สึกว่าไฟกำลังจะมอด ครูเมย์จะเดินไปหาพี่คัตเตอร์ (ครูคัตเตอร์-วิจินต์ รวมฉิมพลี) ด้วยความที่เป็นครูวิทยาศาสตร์เหมือนกัน พี่คัตเตอร์รับฟังเราในหลาย ๆ อย่าง ครูเมย์ยกให้พี่คัตเตอร์เป็นเหมือนแหล่งพลังงาน (หัวเราะ) เพราะทุกครั้งที่ได้คุยกัน ครูเมย์จะได้ซึมซับพลังงานดี ๆ จากพี่คัตเตอร์ตลอด และกลับไปพร้อมพลังงานที่จะทำสิ่งต่าง ๆ ต่อ ใช่ค่ะ เหมือนพลังงานข้างในเราไม่พอ ก็มีพี่คัตเตอร์รับฟังเสมอ จนเรานึกสงสัยว่า พี่คัตเตอร์ทำได้ยังไง” 

“ครูคือมนุษย์” ในวันที่เริ่ม ก่อการครู

‘ลองมา ก่อการครู ไหม’

“พี่คัตเตอร์แนะนำให้เรารู้จัก ‘ก่อการครู’ เหมือนกับป้ายยาเราว่า พี่คัตเตอร์ก็ได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ จำได้ที่พี่คัตเตอร์ บอกว่า ก่อการครูน่าจะปลดล็อกอะไรบางอย่างในใจ ครูเมย์เลยลองไล่อ่าน หาข้อมูลของก่อการครู ด้วยความอยากเลยค่ะ คือเราอยากเป็นครู อยากกลับไปสนุก อยากเป็นครูเหมือนพี่คัตเตอร์ที่สามารถส่งต่อพลังงานให้คนอื่น ๆ ได้

ครูเมย์เล่าว่า สมัครเข้าร่วม ‘ก่อการครู’ แบบเส้นยาแดงผ่าแปด คืนนั้นเป็นคืนสุดท้ายของการสมัคร ครูเมย์เขียนเล่าถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญยาว 3 หน้า ซึ่งเป็น 3 หน้าแห่งความสับสน อ่อนล้า และไฟที่ใกล้มอด พี่ ๆ น่าจะเห็นอะไรบางอย่าง จนได้เข้ามาในก่อการครู

“โมดูลแรกที่ครูเมย์เจอคือ ครูคือมนุษย์ เหมือนชวนเราหันกลับมามองตัวเองในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ให้คุณค่าในตัวเอง จำได้ขึ้นใจคือคำพูดของ อ.น้องที่บอกว่า ‘เราต้องอนุญาตให้เราได้เป็นตัวเราเอง’ ตอนนั้นครูเมย์รู้สึกว่า เชือกที่ขึงจนถึงตึงอยู่ของครูเมย์ มันขาดดังเป๊าะ ความกังวล เหนื่อยล้า สิ่งที่เราตั้งคำถามสำหรับความเป็นครู มันได้รับการเฉลย ครูเมย์ไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดอย่างไร เหมือนคำถามมันมาในจังหวะที่ครูเมย์กำลังพยายามหาคำตอบ คำอธิบาย ในบรรยากาศที่ผ่อนคลาย ในพื้นที่แห่งการรับฟังอย่างแท้จริง”

ครูเมย์เล่าว่า หลังจากได้เข้าโมดูลที่ 1 ครูคือมนุษย์ ครูคัตเตอร์ถ่ายคู่กับครูฟิสิกส์ สมัยมัธยมปลายที่เคยสอนครูเมย์ เจ้าของห้องเรียนที่อยู่ในความทรงจำยิ่งตอกย้ำการค้นพบของครูเมย์เข้าไปอีก”

‘เปลี่ยน’ จากห้องเรียนสู่โรงเรียน

“นอกจากเรารู้สึกว่า ภายในเราเปลี่ยน คงเป็นนักเรียนนี่แหละคะ ที่เห็นเราชัดเจนที่สุด มุมมอง วิธีการสอนของครูเมย์เปลี่ยนไป อย่างที่ครูเมย์ต้องสอนการทำโครงงานวิทยาศาสตร์ พยายามสอนยังไงนักเรียนก็ไม่เข้าใจ ครูเมย์จึงมีกิจกรรมที่ชื่อว่า Chemistry with Empathy ให้นักเรียนจับคู่กันแล้วตั้งคำถาม ตั้งแต่ เหตุผลที่เลือกเรียนสายวิทย์-คณิต / ความตั้งใจแรกคืออะไร / เป้าหมายของการเรียนมองเห็นตัวเองเป็นแบบไหน ให้นักเรียนได้แลกเปลี่ยน จับคู่พูดคุยกัน”

ครูเมย์อธิบายเพิ่มเติมถึงกิจกรรม Chemistry with Empathy คำถามเหล่านี้เองก็สอดคล้องกับหลักการทำโครงงาน ถ้านักเรียนตอบได้ ก็จะสามารถเข้าใจในการเขียนรายงานโครงงานได้

  • เหตุผลที่เลือกเรียนสายวิทย์-คณิต – ที่มาและความสำคัญ
  • ความตั้งใจแรกคืออะไร – วัตถุประสงค์
  • เป้าหมายของการเรียนมองเห็นตัวเองเป็นแบบไหน – ผลที่คาดว่าจะได้รับ

“สิ่งที่เราค้นพบคือ นักเรียนพูดคุยและรับฟังกันด้วยหัวใจ เห็นมุมมองความสดใสของเพื่อน เห็นปัญหาและจุดที่จะเติมเต็มให้แก่กัน เมื่อตอบคำถามเหล่านี้ได้หมด ก็โยงกับวิชาวิทยาศาสตร์ได้ง่ายมาก” ครูเมย์เล่า

Close-up of smiling female holding red heart

ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่า นักเรียนกล้าคุยกับครูเมย์มากขึ้น อย่างเวลาที่เดินสวนกัน นักเรียนก็จะทักครูเมย์ตลอดว่า ครูเมย์ไปไหนคะ? ไปสอนห้องไหน? เวลาสอนในห้องเรียน นักเรียนมักจะถามเสมอว่า ‘วันนี้ครูเมย์มีอะไรมาให้เล่น’ 

นอกจากห้องเรียนที่ครูเมย์รับหน้าที่สอน ความเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นเช่นเดียวกันในบทบาทอื่น ๆ อย่างเช่นงานกิจการนักเรียน ก่อนหน้านี้เวลาครูเมย์คุยกับเคสในห้องกิจการนักเรียน จะมีเคสนักเรียนทะเลาะกัน เดิมทีในใจลึก ๆ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ครูเองก็จะมีมุมที่ตัดสินเด็กไปแล้ว จากข้อมูลที่เราได้รับโดยที่บางครั้งเราไม่ได้ถามหรือฟังเสียงนักเรียนจริง ๆ 

“หลังจากโมดูล ครูคือมนุษย์ ครูเมย์ตั้งคำถามกับนักเรียนใหม่ จากแต่ก่อนถามว่าเกิดอะไรขึ้น และพยายามหาทางออกกับเหตุที่เกิดขึ้น ครูเมย์เพียงพูดว่า ‘ถ้ามีอะไรสักอย่าง ที่ครูจะพอช่วยได้ ขอให้บอกครูนะ’ นักเรียนร้องไห้” 

ครูเมย์เริ่มใช้หลักการรับฟังด้วยหัวใจกับนักเรียน ในเคสเด็กหญิงที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้า ถ้าเป็นก่อนหน้านี้อาจจะเป็นการตัดสินและลงโทษเด็กไปแล้ว โดยที่ไม่ได้ถามที่มาที่ไป แต่คำถามนี้ทำให้ครูเมย์เข้าใจถึงปัญหาเบื้องหลัง มาจากความเข้าใจผิดจากครอบครัว และทำให้ครูเมย์สามารถเชื่อมทั้งเด็กและผู้ปกครอง ให้เกิดการปรับความเข้าใจกันได้สำเร็จ

“ทรงผมตามเพศวิถี” การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ด้วยหัวใจที่พร้อมรับฟัง 

เมื่อใกล้ชิดเด็ก จะเห็นเด็กในหลายมิติ และครูเมย์ก็ยังรู้สึกเหมือนเดิมว่า ถ้าเด็กมีความสุข ความสุขจะนำมาสู่การเปิดหัวใจแห่งการเรียนรู้ 

“ข้อดีของการอยู่ห้องกิจการ คือเราจะได้เจอเด็กทุกรูปแบบเหมือนกันค่ะ อย่างลูกสาวลูกชายที่เป็น LGBTQIA+ เขาก็อยากมีพื้นที่ของเขาในการแสดงออกถึงความเป็นตัวเอง เราเห็นโมเดลจากโรงเรียนพรตพิทยพยัต สพม. กรุงเทพฯ เขต 2 ที่ให้นักเรียนไว้ทรงผมได้ตาม “เพศวิถี” เลยขอคำแนะนำและสอบถามข้อมูลเรื่องระเบียบเพิ่มเติมจากคุณครูบัญญพนต์ บุ้งรุ่ง คุณครูโรงเรียนพรตพิทยพยัต และเริ่มเอาสิ่งนี้คุยกับท่านรองผู้อำนวยการรุ่งรัตน์ รุ่งเรืองชนบท” ครูเมย์เล่า

“ต้องยอมรับว่า ช่วงแรก ๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ยังเร็วเกินไปที่โรงเรียนจะเปลี่ยน เราเก็บข้อมูลจากนักเรียน พูดคุยทำข้อตกลงกันคร่าว ๆ นักเรียนกับโรงเรียนเองก็ต้องเจอกันครึ่งทาง แม้เราจะเปิดพื้นที่ให้ได้แสดงความเป็นตัวเอง แต่ก็ต้องเคารพกฎกติกาของโรงเรียน โชคดีที่ครูเมย์มีท่านรองฯ ที่ค่อนข้างเห็นไปในทิศทางเดียวกับเรา” 

“ความคืบหน้าของนโยบายเรื่อง เพศวิถี ในตอนนี้ผ่านหมดแล้วค่ะ อยู่ในขั้นตอนของการพิมพ์และประกาศระเบียบโรงเรียนใหม่และนำเสนอท่านผู้อำนวยการ และผู้เกี่ยวข้องตามลำดับ สิ่งเหล่านี้ก็จะสอดคล้องกับงานกิจการนักเรียน เพราะจะมีเกณฑ์วัดคะแนนพฤติกรรมของนักเรียนให้ปฏิบัติตามกฎ ซึ่งคาดว่าน่าจะประกาศในช่วงปลายปี 2568 นี้”

โดยรายละเอียดนโยบาย

นักเรียนชายและเพศวิถีชาย : สามารถไว้ผมสั้นได้ โดยต้องมีความเหมาะสมและเรียบร้อย

นักเรียนหญิงและเพศวิถีหญิง : สามารถไว้ผมยาวได้ แต่ต้องรวบผมตามระเบียบทรงผมนักเรียนหญิงให้เรียบร้อย

ส่วนการแต่งกายก็ยังคงไว้ตามระเบียบเพศกำเนิดเดิม ซึ่งก็มีรายละเอียดให้เป็นไปตามเกณฑ์วัดคะแนนพฤติกรรมของนักเรียน ซึ่งใช้ระเบียบของโรงเรียนพรตพิทยพยัตเป็นแม่แบบ ประยุกต์ให้สอดคล้องกับบริบทของโรงเรียน

“นอกจากหาข้อมูลจากภายนอก พร้อม ๆ กับทำข้อมูลนักเรียนในโรงเรียน ตอนเสนอในที่ประชุมกับท่านรองรุ่งรัตน์ รุ่งเรืองชนบทและเพื่อนครู ครูเมย์ใช้วิธีแบบยกตัวอย่างเคสนักเรียนในทรงผมถูกระเบียบร่วมด้วย ถ้านักเรียนหญิงผมสั้นจะระดับนี้ อยู่ในเกณฑ์แบบนี้ นักเรียนชายผมยาวจะต้องมัดผมให้เป็นระเบียบ มีตัวอย่างจริง ๆ ให้เห็นชัดเจนในการสื่อสาร ให้ทุกคนเห็นภาพตรงกันให้ได้มากที่สุด” 

ครูเมย์สะท้อนมุมมองของการผลักดันที่เรื่อง “เพศวิถี” ที่ต้องทำงานอย่างหนัก ในการรับฟังอย่างเข้าใจและหาจุดกึ่งกลางแห่งความสมดุลจากทั้ง โรงเรียน-ครู-นักเรียน-ผู้ปกครอง และรวมไปถึงชุมชน ที่ทำให้ครูเมย์ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลง

“จริง ๆ มันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงภายในตัวเรา ครูเริ่มเปลี่ยนจากข้างใน มุมมองเปลี่ยน วิธีการเปลี่ยน เรื่อง ‘เพศวิถี’ ทำให้ครูเมย์คุยกับคนเยอะมาก (หัวเราะ) ในขณะเดียวกันเราก็มีหัวใจแต่การรับฟัง ครูเมย์เชื่อเสมอว่า การเปลี่ยนแปลงที่เล็ก ๆ จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ยิ่งใหญ่เสมอ ฉะนั้นถ้าความคิดเปลี่ยน ทุกอย่างจะเปลี่ยนไปเอง และจะมีวิธีของมัน”

ชวนครูเมย์ แลกเปลี่ยนและสะท้อนเส้นทางการผลักดันเรื่องเพศวิถีของโรงเรียนหอวัง จ.ปทุมธานี จากสิ่งที่เกิดขึ้น ออกมาได้เป็น 4 ขั้นตอนของการริเริ่มผลักดันเรื่องเพศวิถีในโรงเรียน

1. เปลี่ยนจากตัวเอง : เริ่มต้นจากภายใน “เราต้องอนุญาตให้เราได้เป็นตัวของตัวเอง”

2. เปิดหัวใจแห่งการรับฟัง : พื้นที่พูดคุยโรงเรียน-ครู-นักเรียน-ผู้ปกครอง และสื่อสารอย่างเป็นมิตร ทำข้อมูลและเคสตัวอย่างนักเรียนให้ชัดเจน จนได้ข้อสรุปที่เห็นไปในทิศทางเดียวกัน (ทำซ้ำหลาย ๆ ครั้ง)

3. ค้นหาต้นแบบ : กรณีศึกษาจากโรงเรียนอื่นที่ทำในประเด็นใกล้เคียงกัน รวมถึงระเบียบต่าง ๆ และประยุกต์ใช้ตามบริบทของโรงเรียน

4. ความชัดเจนภายใต้กฎกติกา/ระเบียบเป็นลายลักษณ์อักษร : การพิมพ์และประกาศระเบียบโรงเรียนเป็นลายลักษณ์อักษร ตามขั้นตอนระเบียบโรงเรียน-ส่งไปที่เขตการศึกษาให้ผ่านการรับรองและประกาศใช้ในโรงเรียน

“ครู” ไม่หยุดที่จะตั้งคำถาม

ครูเมย์เล่าทิ้งท้าย ถึงสิ่งที่กำลังทำในขณะนี้ว่า “ตอนนี้ครูเมย์กำลังทำเรื่อง การแก้ปัญหายาเสพติดและพฤติกรรมเสี่ยงของนักเรียนในโรงเรียนค่ะ เราร่วมก่อการครู ทั้งจาก ครูคือมนุษย์, ตลาดวิชา ซึ่งครูเมย์เลือกเรียน ห้องเรียนเวทมนต์คาถาในการสร้างการเรียนรู้ที่เปี่ยมความหมาย และ ทักษะการโค้ชเพื่อครู เป็นสกิลที่เราปรับใช้ต่องานอื่น ๆ ได้อีก”

ช่วงที่ผ่านมาครูเมย์ได้ทำกิจกรรม “การเรียนรู้จากผู้ที่เคยก้าวพลาด” เป็นการเชิญผู้ที่เคยผ่านที่เคยก้าวพลาดมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ให้นักเรียน ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจาก คุณหรั่ง พระนคร และ คุณเอิร์น วัดใหญ่ และพี่ ๆ น้อง ๆ จาก่อการครู ซึ่งมีเป้าหมายให้เด็ก ๆ ได้เห็นมุมมองจากผู้ที่เคยผ่านชีวิตและก้าวพลาดครั้งหนึ่งมาแล้ว เป็นการสร้างการรับรู้เข้าใจ มองเห็นคุณค่าของตัวเอง ตระหนักรู้ และมีสติในทุกก้าวที่เลือกเส้นทางเดินของตัวเอง

ไม่เพียงเท่านั้น ครูเมย์และเพื่อนครู ที่ผ่านกิจกรรมก่อการครู มาร่วมกัน เปิดโหนดริเริ่มโดยมีชื่อว่า “บ้านพักครู-พื้นที่พักใจของเพื่อนครู” เราสร้างโหนดนี้ เพื่อให้คุณครูได้พักดูแลจิตใจของตัวเอง ฟื้นฟูพลังใจให้มีแรงก้าวต่อไป เพื่อให้ครูทุกคนสามารถกลับไปทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างมีความสุขและมีพลังงานที่เต็มเปี่ยมเพื่อตัวของเราและนักเรียนของเราค่ะ

เรื่องอื่นๆ ที่คุณอาจสนใจ