“ปลามาแล้วค่ะ #ปลาทูต้มหวาน สั่งตอนนี้ได้เลย…พร้อมส่งพรุ่งนี้”
ข้อความส่วนหนึ่งจากโพสต์ประกาศขายปลาทูต้มหวานในเพจเฟซบุ๊ค ปลาเค็ม สึนามิ บ้านน้ำเค็ม ที่ดูแลโดย พู่กัน-มัณฑนศิลป์ จงไกรจักร์ ลูกสาววัย 23 ปี ของ ไมตรี จงไกรจักร์ นายกสมาคมประชาสังคมพังงาแห่งความสุข ผู้ที่ทำงานต่อสู้และขับเคลื่อนสังคมให้คนพังงาเพื่อสร้างความเข้มแข็งระดับฐานราก

พู่กัน เป็นลูกสาวคนโตในจำนวนพี่น้อง 3 คน เธอมีน้องสาวชื่อ สีน้ำ และน้องชายคนเล็กชื่อ สีเทียน
พู่กันเกิดและเติบโตในพังงา ช่วงประถมถึงมัธยมศึกษาเรียนในโรงเรียนละแวกบ้าน ก่อนย้ายเข้ามาเป็นนักศึกษาในคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา กรุงเทพฯ
ช่วงนั้นคือการทดลองเรียนรู้การใช้ชีวิตตัวคนเดียวของพู่กัน จนกระทั่งเกิดสถานการณ์โควิด-19
นักเรียน-นักศึกษา จากเคยออกไปเรียน ก็ไปไม่ได้
แม่ค้า-พ่อค้า จากเคยขายของได้กำไร ก็กลายเป็นขาดทุน
ชาวประมงก็เช่นกัน แม้จะออกไปหาปลาได้บ้าง แต่ก็ขายไม่ได้ เพราะไม่มีใครสั่งซื้อ
พู่กันเล่าว่านี่คือจุดเริ่มต้นหลักที่ทำให้เธอตัดสินใจทำ ปลาทูต้มหวาน ขายในเพจเฟซบุ๊ค
จุดเริ่มต้นแม่ค้าปลาทู
“หนูกลับบ้านเดือนมีนาคม เพราะมหาวิทยาลัยปิด พอมาอยู่บ้านเราก็มีเวลาว่างขึ้นมาก จากเดิมที่เห็นแม่ขายหมูปิ้งที่หน้าปากซอยบ้าน พอมีสถานการณ์โควิด-19 แม่ก็ไม่ได้ปิ้งหมูขายเลย พ่อก็รายได้ลดลง หนูและน้องจึงอยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่าง”
ภารกิจทำปลาทูต้มหวานขายจึงเกิดขึ้น โดยมีสมาชิกในครอบครัวทั้งหมดช่วยกันคนละแรง
“พ่อจะเป็นคนไปเอาปลามาจากท่าเรือ ส่วนหนู น้อง และแม่จะเป็นฝ่ายทำปลา” พู่กันอธิบาย
“พอได้ปลามา ขั้นตอนแรก หนูและสีน้ำจะช่วยกันตัดหัวปลา นำไปล้างน้ำ 2 รอบ จากนั้นยัดหัวมันกลับเข้าไปในท้อง นำอ้อย ตะไคร้ สับปะรด กระเทียม หอมแดง ฯลฯ วางลงไปในหม้อ จากนั้นทำปลาไปเรียง ก่อนที่แม่จะมาช่วยตวงสัดส่วนของเครื่องปรุงให้ เพราะถ้าหนูทำเองอาจจะไม่อร่อย (หัวเราะ)”
หลังจากปรุงให้เสร็จก็จะต้มปลาทิ้งไว้ทั้งคืน พู่กันบอกว่าสูตรการทำปลาทูต้มหวานได้รับมรดกจากคุณย่า
ปลาทูรสชาติดี รสชาติกลมกล่อม ขายหมดหม้อทุกครั้งที่ประกาศขาย แม้แต่ละหม้อจะต้มปลาครั้งละมากถึง 30-50 กิโลกรัม และขายในช่องทางออนไลน์เท่านั้น
พู่กันเล่าให้ฟังถึงบทบาทแม่ค้าต่อว่า เมื่อได้ปลามาแล้วจะประเมินก่อนว่าขายได้กี่กล่อง เพื่อวางแผนเปิดรับออเดอร์ในแฟนเพจ
“ถ้ารอบนั้นพ่อไปท่าเรือแล้วได้ปลาตัวใหญ่กลับมา กล่องหนึ่งจะบรรจุปลาประมาณ 8 ตัว แต่ถ้าได้ปลาขนาดเล็กจะบรรจุ 9-10 ตัว แต่ละกล่องขายในราคาเดียวคือ 250 บาท”
ธุรกิจปลาต้มหวานของพู่กันและครอบครัว เดินทางมาเรื่อยๆ จนถึงฤดูมรสุมช่วงเดือนพฤษภาคม ช่วงมรสุมทำให้พี่น้องชาวประมงออกเรือไปหาปลาไม่ได้ ส่งผลให้วัตถุดิบหลักขาด ต้องหยุดพักธุรกิจไปชั่วคราว แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะปกติพู่กันและน้องสีน้ำมักใช้เวลาว่างรอระหว่างต้มปลาในช่วงบ่ายหันมาทำสร้อยคอ กำไลข้อมือลูกปัด ราคาเริ่มต้นแค่ 29 บาท ขายในช่องทาง Instargram เพื่อหารายได้อีกทาง
สถานการณ์โรคระบาดครั้งนี้ทำให้พู่กันได้ทำสิ่งใหม่ๆ หลายอย่างจนเธอเองก็ไม่คิดว่าตัวเองจะทำได้
“ที่ผ่านมามีกรณีที่เราส่งปลาไปแล้วน้ำซึมออกมาระหว่างขนส่ง ทุกปัญหาที่เกิดขึ้นหนูต้องเป็นคนจัดการเองทั้งหมด ตั้งแต่โทรหาลูกค้า แสดงความรับผิดชอบ แก้ไขปัญหา จากเดิมที่เราใช้ถุงร้อนธรรมดาๆ เราก็ใส่กล่องห่อไปอีกชั้น แค่นี้ปลาก็จะไม่เละ แถมน้ำไม่ซึมออกมา”
แต่กว่าทุกอย่างจะอยู่มือใช้เวลาผ่านไปหลายเดือน ปัจจุบันช่วงมรสุมเริ่มคลี่คลายลงแล้ว พู่กันกลับมาต้มปลาได้เหมือนเดิม มีลูกค้าทยอยสั่งซื้อเข้ามาเรื่อยๆ แม้จะเหนื่อยแต่สนุกแถมได้เงิน
เบื้องหลังความสำเร็จนี้พู่กันบอกว่าต้องยกเครดิตให้พ่อ
“เราเห็นพ่อทำงานเพื่อสังคมมาตั้งแต่เหตุการณ์สึนามิ ตอนอายุ 7 ขวบ เรารู้สึกภูมิใจในตัวพ่อที่เห็นพ่อทำงานเพื่อคนอื่น (ถึงแม้จะทำให้พ่อไม่ค่อยได้อยู่บ้าน)
“ปลาทูต้มหวานทำให้หนูได้เรียนรู้การจัดการ คิดเป็นขั้นตอน ตั้งแต่ลูกค้าโทรมาสั่ง เขียนออเดอร์ลงในสมุด เช็คยอดโอน นับจำนวน ผลิตปลา ขนส่ง รวมถึงได้เอาปลาบางส่วนไปเข้าโครงการข้าวแลกปลาด้วย*”
เบื้องหลังปลาทูต้มหวาน
“บ้านเราเลี้ยงลูก โดยชวนเขาคุยตลอด”
ไมตรีเล่าให้ฟังว่าสำหรับพ่อ ไอเดียการทำเริ่มปลาทูต้มหวาน เกิดจากการแค่อยากทำให้ลูกมีกิจกรรมทำแก้เบื่อ เพราะโควิด-19 ทำให้ลูกต้องอยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้ตั้งใจจะทำกระบวนการหรือจุดประกายใดๆ ให้ลูก
“ผมไม่ได้คิดไปไกล ในวันที่พ่อขาดรายได้ แม่มีรายได้น้อยลง ปลาต้มหวานเป็นกิจกรรมที่ชวนกระตุ้นให้ลูกคิดต่อว่าเขาสามารถทำอะไรได้บ้าง ซึ่งการแปรรูปปลาทูไปเป็นปลาทูต้มหวานหรือเมนูอื่นๆ เป็นอาหารที่พวกเราทำกินกันอยู่แล้ว และเขาก็อยากลองทำ เราก็ให้เขาทำ”
แม้ไมตรีคลุกคลีอยู่ในวงการกิจกรรมและมีประสบการณ์มากมายจากการจัดโครงการกับเยาวชน แต่ในฐานะพ่อเมื่อต้องทำงานกับลูกตัวเอง ไมตรียอมรับว่ายากมาก
“พอเป็นลูกตัวเองมันยากมาก เราไม่รู้ว่าจุดไหนพอดี เราเป็นพ่อก็มีความใกล้ชิดกว่า เวลาจะยกตัวอย่างให้เขาเห็นภาพ เราก็คิดว่า นี่เรากำลังทำให้ลูกรู้สึกถูกเปรียบเทียบหรือเปล่า เวลาเราสอนเราก็กลัวเขาคิดว่าเราบ่น มันเป็นเส้นบางๆ เราไม่รู้ว่าเขาเข้าใจตามที่เราตั้งใจไหม ตกลงพ่อบ่น พ่อด่า หรือพ่อสอน มันมีมุมอะไรแบบนี้อยู่บ้าง ไม่ง่ายเลย
“แต่เวลาทำโครงการกับเด็กคนอื่น เราพาเขาทำกิจกรรมทำให้เห็นประโยชน์และสิ่งที่เขาจะได้ก็จบ พอเป็นลูก เขาต้องใช้ชีวิตกับเราตลอดเวลา เราอยู่ด้วยกัน เราเห็นเขา เขาเห็นเรา มันมีมุมละเอียดอยู่เหมือนกัน จริงๆ ผมก็เลี้ยงลูกไม่ถูกหรอกนะ แต่สิ่งที่ผมทำคือปล่อยให้เขาได้คิดด้วยตัวเอง เมื่อไรที่เขามีปัญหาเราค่อยเข้าไปช่วยเป็นครั้งๆ”
ไมตรีเล่าว่าระยะเวลาที่ลูกๆ เริ่มทำปลา เด็กๆ จัดแจงทุกอย่างเองหมด พ่อเป็นฝ่ายการตลาด พ่อแค่ช่วยโปรโมท ช่วยแชร์โพสต์ขายและไปรับปลาจากท่าเรือให้เขาเท่านั้น ส่วนลูกๆ ช่วยกันผลิต


ไมตรีเล่าถึงช่วงที่เด็กๆ ได้เงินเป็นของตัวเองหลังจากการขายปลา
“เขาดีใจกันมากและยิ่งภูมิใจเข้าไปอีก เมื่อพ่อแม่บอกว่าเงินเป็นของเขา เป็นสิ่งที่เขาหามาด้วยตัวเอง เขายิ่งภูมิใจ พอเขาได้เงินเยอะ เขาก็นึกอยากจะแบ่งให้เรา ผมคิดในใจ ลูกเราคิดถึงคนอื่นด้วยเนอะ สุดท้ายเขาก็เก็บเงินรวบรวมกำไรมาแบ่งให้พ่อและแม่ คนละ 2,000 เขาบอกว่า รายได้ก้อนแรกของลูก หนูให้พ่อ”
หากให้ประเมินในฐานะแม่ค้าขายปลา ไมตรีบอกว่าช่วงแรกๆ พนักงานอาจดูไม่เต็มใจเท่าไร (หัวเราะ) แต่พอปลาผ่านไป 5 หม้อ เด็กๆ ก็เริ่มเปลี่ยนไป พอเห็นว่าเขาทำให้ปลาขายได้ เขาก็ตื่นเต้น และอยากทำมากขึ้น เขาเริ่มเข้าใจการบริหารจัดการ รู้จักแบ่งตำแหน่ง พี่พู่กันรับออเดอร์ น้องสีน้ำเตรียมเครื่องปรุง น้ำตาล กระเทียม และวัตถุดิบต่างๆ มีแม่มาช่วยบ้าง
ไมตรีบอกว่าสิ่งหนึ่งที่พ่อและแม่เรียนรู้ได้จากการทำปลาทูครั้งนี้ คือเมื่อเราเปิดพื้นที่ให้โอกาสลูกได้ทำอะไรบางอย่างด้วยตัวเอง โดยที่เราคุยกันและมองเขาในฐานะที่เขาเป็นผู้ใหญ่ เชื่อใจเขา ท้ายที่สุดพอเห็นว่าเขาทำได้พ่อแม่ก็อิ่มเอิบใจไปด้วย

“ตามปกติลูกผมเป็นเด็กที่ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร แต่เขาแก้ปัญหาได้หมด ปลาต้มหวานก็มีอุปสรรคอยู่บ้าง ตอนนั้นลูกค้าสั่งปลาไปส่งที่ขอนแก่น แต่เราไม่รู้ว่าพู่กันเขียนที่อยู่ผิดหมู่บ้านหรือเปล่า ทำให้ปลาส่งไปถึงลูกค้าช้า ใช้เวลา 7 วัน จนปลาเสีย พอเกิดปัญหาเราก็เห็นเขาจัดการได้ ลูกเริ่มจากโทรไปขอโทษและส่งปลาให้ใหม่
จริงๆ ลึกๆ ผมไม่ได้ต้องการให้เขาสร้างรายได้เยอะแยะ ธุรกิจนี้เกิดจากให้เขามีอะไรทำจะได้ไม่ต้องนั่งเหงา แต่พอทำไปทำมาเราเห็นการเติบโตของเขาระหว่างทาง ลูกรู้จักวางระบบคิดเป็นสัดส่วน เขามีความรับผิดชอบเพิ่มขึ้น
กิจกรรมนี้อาจจะกระตุ้นให้เขามีเป้าหมายกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ ให้เขาได้รู้จักพลิกแพลงแก้ไขสถานการณ์เมื่อเจอปัญหา รับรู้ถึงน้ำใจและการแบ่งปันให้เพื่อนมนุษย์ก็พอแล้ว อย่างน้อยๆ เมื่อโควิด-19 หายไป เขากลับไปเรียนให้จบ ระหว่างหางานทำถ้ายังไม่มีงาน เขาก็ใช้ธุรกิจนี้เลี้ยงตนเองได้”
โครงการ ‘ข้าวชาวนา แลกปลาชาวเล’ คือ โครงการแลกเปลี่ยนแบ่งปันอาหาร เกิดขึ้นเพื่อแก้ปัญหาปากท้องของพี่น้องชาวเลที่ออกเรือหาปลาได้ แต่เอาไปขายไม่ได้ เนื่องจากเจอสถานการณ์โควิด-19 จึงนำเอาปลาที่หาได้มาแปรรูปและนำไปแลกเปลี่ยนเป็นสิ่งอื่นกับชาวบ้านตามพื้นที่อื่นๆ ที่ประสบปัญหาเหมือนกัน